เนื่องด้วยช่วงนี้เห็นโฆษณาออนเซ็นเยอะมากในเฟสบุค เลยหาข้อมูลเลย จริงๆในกรุงเทพมีอยู่แค่ 3-4 ที่เท่านั้น ครั้งนี้เลยหาเรื่องมาลองแช่ออนเซ็นที่ Let’s Relax Onsen and Spa นั่นเอง ก่อนจะมาก็หาข้อมูลมาเยอะมากๆว่าออนเซ็นไหนราคาเท่าไหร่ ต้องถอดหรือไม่ต้องถอด สรุปท้ายสรุปเลยได้มาลองที่ Let’s Relax Onsen and Spa สาขาทองหล่อนั่นเอง
ออนเซ็นของที่นี่เริ่มเปิดตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง เที่ยงคืนเลย ร้านอยู่ที่ชั้น 5 ของโรงแรม Grand Center point ทองหล่อนั่นเอง ที่จอดรถก็จอดที่โรงแรมได้เลย เมื่อเดินมาถึง ก็จะเห็นป้ายใหญ่ๆเลยเมื่อออกมาจากหน้าลิฟต์ เมื่อเดินเข้าไปก็จะเจอพนักงานคอยต้อนรับอยู่ มาถึงแนะนำให้ไปคุยกับพนักงานต้อนรับก่อนเลย เค้าจะแนะนำคอร์สต่างๆ ทั้งออนเซ็นและสปาให้ฟัง และบอกด้วยว่าช่วงนี้มีโปรโมชั่นอะไรบ้าง อันนี้แอบกระซิบก่อนว่าพวกเว็บดีลสปาต่างๆมีเอามาลดราคา ใน Shopee ด้วย ไปกดกันได้
ในโซนแรกขอเรียกว่าโซนนั่งรอพักผ่อน โซนนี่จะมีโต๊ะเก้าอี้สไตล์ญี่ปุ่นจัดวางไว้อย่างเรียบร้อย ในโซนนี้ยังมีอาหารและเครื่องดื่มให้สั่งได้ด้วยนะ สำหรับคนที่มาออนเซ็นและสปาในช่วงคาบเกี่ยวกับการทานข้าว อาหารก็มีอาหารญี่ปุ่นเล็กน้อยซึ่งเมื่อทานเสร็จแล้วก็สามารถกลับไปออนเซ็นอีกรอบได้เหมือนกัน ที่นี่เค้าไม่จำกัดเวลาออนเซ็นนะ จะอยู่ทั้งวันตั้งแต่ 10 โมงจนไปถึง เที่ยงคืนเลยก็ได้ แต่บัตรจอดรถปั๊มได้ 6 ชั่วโมงนะบอกก่อน
พ้นจากโซนแรกไป แวะไปเอา Wristband(เอาไว้ใช้ตรงที่เก็บของ) ตรงจุดที่เราคุยกับพนักงานก่อน เดินตรงไปเรื่อยๆก็เจอจุดแรกที่เราต้องมาเอาของเพื่อเตรียมเข้าออนเซ็น ตรงจุดนี้ก็จะมีพนักงานซึ่งพูดภาษาอังกฤษดีเลยทีเดียว แนะนำว่าขั้นตอนเป็นอย่างไร จุดนี้เองจะเป็นจุดที่เราได้รับของที่จะเอาไปใช้ในออนเซ็นต่อจากนี้ขอเรียกว่า Onsen Kit ซึ่งในนี้จะประกอบไปด้วย
1. ชุด Jinbei – สามารถเลือกไซส์ได้ เอวใหญ่เอวเล็กมีให้หมด
2. ผ้าขนหนูผืนเล็ก – เอาไว้ปกปิดเวลาเข้าออนเซ็น
3. ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ – เอาไว้ใช้หลังอาบน้ำเสร็จ
เมื่อได้ของกันแล้วก็เดินตรงไปที่โซนออนเซ็นเลยโซนออนเซ็นจะแบ่งเป็นชายหญิงชัดเจนเลย ซึ่งสีแดงเป็นของผู้หญิง และ สีน้ำเงินเป็นของผู้ชาย พอเข้าไปในโซนออนเซ็นก็จะมี ล็อกเกอร์สำหรับเก็บเสื้อผ้าและของมีค่าซึ่งสามารถใช้สายรัดข้อมือ Wristband ที่เราได้มาตอนแรกมาใช้ตรงจุดนี้ กดที่แถบดำๆแล้วเอาสายรัดไปแตะเป็นอันเปิด ซึ่งตอนที่เข้าไปทุกคนก็ยืนเปลี่ยนชุดกันหน้าล็อกเกอร์เลยเนี่ยแหละ บอกได้เลยว่าไม่อายกันเลย
มาถึงขั้นตอนนี้ก็ต้องถอดหมดทุกอย่างเลย แบบไม่เหลืออะไรเลย เหลือแต่ผ้าขนหนูเล็กๆเลือกไว้ว่าจะปิดบนหรือปิดล่าง เมื่อกายพร้อมใจพร้อมก็เดินไปที่โซนอาบน้ำ โซนนี้เราก็จะทำความสะอาดกันก่อนลงอ่างออนเซ็น ตรงนี้ก็จะมีทั้งแบบนั่งและแบบยืนอาบ วันนี้อยากได้ความรู้สึกโรงอาบน้ำญี่ปุ่นเลยไปนั่งอาบดู แชมพู สบู่ มีครบอาบเสร็จก็พุ่งต่อไปที่ห้องต่อไปเลย
ที่ห้องออนเซ็นก็จะมีวิธีการแช่แบบคร่าวๆให้ดูก่อนเข้าไป ว่าจะแช่บ่อไหนก่อนกี่นาทีแล้วต้องพักกี่นาทีบ้าง
ที่นี่จะมีบ่อน้ำหลักๆอยู่ 5 บ่อ ของทั้งห้องชายและหญิง ซึ่งของสองห้องนี่้ก็จะมีการจัดวางบ่อที่แตกต่างกัน(แต่จำนวนบ่อและน้ำแร่เหมือนกันนะ)
บ่อแรก Gero Hot Spring Baht
บ่อนี้ตอนที่ลงไปแช่ก็เห็นหลายๆคนมาแช่เหมือนกัน พอไปอ่านรายละเอียดก็ได้ความว่าบ่อนี้เอาน้ำมาจากญี่ปุ่น ซึ่งเป็นแหล่งน้ำแร่ที่ดีที่สุด 1 ใน 3 ของญี่ปุ่นเลย บ่อนี้จะช่วยเรื่องผิวพรรณ และ ลดการระคายเคืองผิวด้วย
บ่อที่สอง Silk Bath
อันนี้บอกก่อนว่าส่วนตัวชอบบ่อนี้ที่สุด เพราะว่าในบ่อจะมีการพ่นออกซิเจนด้วย ทำให้ผิวแบบรู้สึกดี นุ่ม ลื่น
บ่อที่สาม Soda Bath
นอกจากออกซิเจนของบ่อบนแล้ว บ่อนี้มาพร้อมกับคาร์บอนไดออกไซด์นั่นเอง ซึ่งช่วยเรื่องการหมุนเวียนของเลือด
บ่อที่สี่ Whirlpool Baht
ใครชอบพวกจากุซซี่ต้องมาบ่อนี้เลย เพราะมีหัวเจ็ทที่คอยพ่นน้ำ ถ้าปวดเมื่อยก็มานั่งชิวๆได้เลย ความสูงมีสองระดับด้วย ปวดเมื่อยตรงไหนก็สลับที่ยืนได้เลย
บ่อที่ห้า Cold Bath
บ่อออนเซ็นอันนี้ไม่รู้จะเรียกออนเซ็นดีหรือเปล่า เพราะมันไม่ใช่บ่อน้ำร้อน แต่ดันเป็นบ่อน้ำเย็น ซึ่งเย็นยะเยือกมาก บ่อนี้จะช่วยเรื่องความสดชื่นเป็นอย่างดีเลย
นอกจากบ่อก็ยังมีห้องสตรีมและห้อง Sauna ด้วยนะคืออยู่ในส่วนของออนเซ็นเลย ถ้าเข้าสตรีมกับ Sauna เสร็จแล้วมาแช่อีกรอบหรือเอาน้ำมาราดตัวอีกครั้งคือสดชื่นสุดๆ
เมื่อออกมาจากโซนออนเซ็นแล้วก็ยังมี Relaxing Zone ซึ่งเอาไว้ให้พักผ่อนจากการออนเซ็น คือมานั่งมานอนพักได้ ในห้องก็จะมีเสียงน้ำเบาๆ และ จะได้กลิ่นเสื่อญี่ปุ่นด้วย ใกล้ๆกันก็จะมีห้อง Cool Down คือจะมีแอร์เย็นๆให้เข้าไปนั่งพักปรับอุณหภูมิด้วย
ห้องที่เด็ดอีกห้องที่ไม่อยากให้พลาดเลย คือ ห้องหินร้อน ในห้องนี้ก็จะมีเกลือหิมาลายันด้วย พื้นก็จะรู้สึกอุ่นๆหน่อยพอไปนอนแล้วจะรู้สึกว่าผ่อนคลายมาก ห้องนี้เค้าห้ามเอาพวกเครื่องมือสื่อสารเข้าไปด้วยนะ
หลังจากเสร็จจากโซนนี้เราก็ไปต่อกันที่โซนนวด วันนี้เราสองคนมาลองแพ็ตเกจ Onsen + นวดไทย และ Onsen + นวดเท้า ซึ่งราคาอยู่แค่เพียง 1,100 บาท เท่านั้น เดี๋ยวพาไปดูที่ห้องนวดเท้ากันก่อนเลย
ห้องนวดเท้าก็จะมีเก้าอี้เรียงรายไว้หลายตัวเลย บรรยากาศเงียบๆเก้าอี้นุ่มๆระหว่างนวดขอสารภาพเลยว่าหลับไปเหมือนกัน
สำหรับห้องนวดไทยก็จะมีหลายห้องหลายแบบมาก มีทั้งแบบคนเดียว สองคน สามคน ซึ่งใครมากับเพื่อนก็แจ้งพนักงานได้เลยว่าต้องการห้องใหญ่ การนวดไทยในวันนี้ก็รวมทั้งสิ้น 60 นาที นวดได้ดี พนักงานก็บริการดีมีมาตรฐาน
สรุปแล้วมานวดครั้งนี้ถอดหมดนะ! แลกกลับมาด้วยผิวพรรณที่ดีขึ้นและรู้สึกสบายตัวมากเมื่อออกมา ถ้าถามว่าจะกลับมาซ้ำอีกไหมคงมาแน่นอนเพราะ ราคาไม่แพง อยู่ใจกลางเมือง และ มีให้แช่หลายบ่อ
ปล. อย่าลืมทำตามกฏด้วยนะ
ใครอยากรู้ว่าไปยังไงจองยังไงข้อมูลด้านล่างนี้เลยนะ แนะนำให้ไปลองจริงๆ
โดยรถ / แท็กซี่: ไปที่โรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์ พ้อยทน์ อยู่ระหว่างทองหล่อซอย 8 และ ซอย 10 จอกรถบนโรงแรม
โดย BTS: ลงสถานีทองหล่อ จากนั้นสามารถนั่งแท็กซี่เข้ามาประมาณ 800 เมตร โรงแรมอยู่ทางขวามือ
สปาอยู่ที่ชั้น 5 ของโรงแรม
โทร : 02-042-8045
เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 10:00 น. – 24.00 น.