ถ้าพูดถึง Wellness Destination ในประเทศไทยหลายๆคนอาจจะยังไม่คุ้นชื่อหรือคุ้นว่าสถานที่แบบนี้เค้าไปทำอะไรกัน วันนี้ทีมเราได้มีโอกาศมาพักใน Luxury Wellness Desination ที่เป็นที่แรกๆของไทยเลย เดี๋ยวเรามาดูกันว่าที่นี่จะสร้างความว้าว ให้กับทีมเรากันขนาดไหน ก่อนที่จะไปรีวิวตัว Thann Wellness Destination ต้องบอกก่อนว่า Thann เนี่ยมีชื่อเสียงจากผลิตภัณฑ์ต่างๆเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ใครที่มีเพื่อนชาวจีน หรือ ญี่ปุ่น ลองไปถามดูได้ว่า Thann เนี่ยดังขนาดไหนในต่างประเทศ นอกจากผลิตภัณฑ์ก็ยังมีสปาของตัวเองอีกด้วย ซึ่งหรูมากกก เดี๋ยวเราจะมามีรีวิวกันอีกที
การเดินทางไปที่ Thann Wellness Destination บอกได้เลยว่าเดินทาง่ายมากๆ คือเราออกจากราชพฤกษ์ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็ไปถึงจุดหมายของเราแล้ว การเดินทางค่อนข้างง่าย และ รถไม่ติดเลยตลอดทางที่ไป
เมื่อมาถึงก็จะมีพนักงานต้อนรับมารับกระเป๋าของเราก่อนที่เราจะไปเข้าพัก ความประทับใจแรกเริ่มต้นจากตรงนี้เลย คือตั้งแต่เข้ามาพนักงานต้อนรับคือยิ้มทุกคน ไหว้ทุกคน จนแบบรู้สึกประทับใจจริงๆ
เข้ามาถึงนั่งปุ๊บ Welcome Drink ก็มาวางรอที่โต๊ะเลย ขอบอกว่าบริการไวมาก
ตอน Check-in พนักงานก็จะแนะนำข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับที่นี่เบื้องต้น พร้อมกับจะมีแบบสอบถามให้กรอกว่าจุดประสงค์ของการเข้าพักของเรานั้นเป็นอย่างไร รวมไปถึงให้ Wrist Band ที่จะใช้ในการเข้าห้องด้วย
ยังไม่พอ ยังมีการให้เลือกกลิ่น Aromatherapy Scent ที่ทางพนักงานจะเข้าไปฉีดในห้องตอนเราเข้าพักด้วย เรียกได้มาชอบกลิ่นไหน เลือกกลิ่นนั้นได้เลย
พร้อมแล้วก็พาไปดูห้องพักกันเลย ห้องพักที่นี่จริงๆมีหลายโซนมาก แต่เราจะพาไปดูห้องที่เราพักกันก่อนว่าเป็นยังไง คุ้มราคาไหม ห้องพักที่เราพักกันในวันนี้จะเป็นห้อง Suite นั่นเอง
ห้องที่เราได้จะอยู่ชั้น 2 ซึ่งพอขึ้นมาแล้วก็ว้าวตั้งแต่ก่อนเข้าห้องเลย ห้องของที่นี่จะใช้ Wrist Band เป็นตัวเปิดประตู และ เปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆในห้อง ซึ่งบางทีไปโรงแรม 5-6 ดาวก็ยังเป็นคีย์การ์ดอยู่เลย เรียกได้ว่าประทับใจตั้งแต่เข้าห้องเลยจริงๆ
Mini Bar ในห้องก็เตรียมมาให้แบบจัดเต็มมากๆ ฟรีทุกอย่าง ที่ดูแล้วจะชอบเป็นพิเศษก็จะเป็น กาแฟดริป ที่สามารถชงดื่มเองตอนเช้าได้ รวมไปถึง น้ำ Infused ซึ่งดื่มแล้วสดชื่นมากๆ ใครที่มาแบบพักผ่อนสบายๆชิวๆก็มี คิทแคท กับ ผลไม้กระป๋องให้ด้วยนะ
มาถึงเตียงกันบ้าง เตียงให้หมอนมาแบบ ไม่ต้องขอหมอนเพิ่มกันเลย ทั้งหมอนอิง หมอนนอน สบายสุดๆ เตียงก็นุ่มไปอีก ตัวห้อง Suite ที่เราพักก็จะกั้นระหว่างพื้นที่ห้องนั่งเล่นได้ด้วย
ในระหว่างแนะนำห้องพนักงานก็จะฉีดกลิ่นอโรม่าที่เราเลือกไว้ตั้งแต่ตอน Check-in ด้วย
มาต่อกันที่ห้องน้ำเลยดีกว่า ห้องน้ำก็เว่อวังอลังการมากๆ มีอ่างให้ในห้องเลย
ส่วนตรงฝักบัว ก็มีฝักบัวแบบ Hydro Theraphy ด้วย คือจะมีแรงดันน้ำออกมาช่วยนวด แล้วก็จะมีผลิตภัณฑ์ของ Thann ให้ใช้ด้วย
อีกส่วนที่ชอบของห้องน้ำก็จะเป็นห้องส้วมเนี่ยแหละ มาแบบญี่ปุ่นเลย เป็นแบบอัตโนมัติ และที่รองนั่งก็ปรับอุณหภูมิได้ด้วย
ตรงอ่างล้างหน้าก็มีมา 2 อันเลย ใครมาเป็นคู่ไม่ต้องแย่งกันเลย ส่วนอุปกรณ์ Ammenities ต่างๆก็เป็นของ Thann ทั้งหมดเลย เอาจริงไม่ต้องพกอะไรมาเลย มีครบจริงๆ
ทำไมถึงบอกว่าไม่ต้องเตรียมอะไรมาเลย ก็เพราะขนาดชุดเค้ายังมีให้เลย ! ที่นี่มีชุดใหม่ให้เปลี่ยนทุกวัน ทั้งเสื้อทั้งกางเกงเลย
หลังจากเปลี่ยนชุดกันเสร็จแล้วจะพาไปดู Facilities ต่างๆของที่นี่กันบ้าง ข้างๆตึกที่เราพักก็จะเป็นสระว่ายน้ำ ที่จะมีกิจกรรมพวก Aqua Exercise ด้วย วิวหลักล้านมากตรงนี้ ถ่ายรูปสวยสุดๆ
ซึ่งเราก็ได้มาเล่นกิจกรรมทางน้ำด้วย เป็นการออกกำลังกายทางน้ำ ใครอยากลดน้ำหนักแนะนำให้มากิจกรรมนี้เลย จะมีคนคอยนำออกกำลังกาย คือเหมือนจ้าง Personal Trainer มาพักด้วยตลอด 24 ชั่วโมงเลย เล่นไปสักพักเหมือนจะไม่เหนื่อยนะ แต่พอเล่นเสร็จบอกได้เลยว่าหิวมาก
ก่อนจะหิวกัน ขอพาไปรีวิว ตึก Spa ก่อน ในตึกนี้คือรวมไว้ทุกอย่างที่จะนึกได้เลย ระหว่างทางนั่งรถกอล์ฟไปก็ถ่ายบรรยากาศมาเก็บไว้ให้ดูกันด้วย
เริ่มกันที่ห้องแรก ขอเรียกว่าห้อง Gym ละกัน คือในห้องนี่ก็จะมีอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับ Weight Training รวมไปถึงพวก Functional Workout ต่างๆด้วย มาทั้งลู่วิ่ง เครื่องออกกำลังกาย Cardio ต่างๆ
อย่างที่บอกว่าที่นี่แทบจะมี Personal Trainer ช่วยในทุกอย่าง ในห้องนี้ก็เหมือนกัน จะมีคนคอยสอนคอยให้คำแนะนำเกี่ยวกับการออก และก็สามารถช่วยเซฟเวลาเรายกน้ำหนักเยอะๆด้วย
ห้องที่อยู่ใกล้ๆกันก็จะเป็นห้อง Functional ที่เป็นทั้งห้องโยคะ และ ห้อง Stretching ต่างๆ ซึ่งวันนี้พวกเราก็มาเข้าคลาส Office Syndrome ด้วย ระหว่างเข้าคลาสก็จะมีครูมาคอยสอนด้วย ครูก็จะสอนท่าต่างๆที่ช่วยบรรเทาอากาศออฟฟิสซินโดรม ซึ่งช่วยได้เยอะลย เราเข้าคลาสนี้กัน 30 นาที ออกมาแล้วบอกได้เลยว่าผ่อนคลายขึ้นเยอะเลย
ในตึกยังไม่หมดเพียงเท่านี้นะ ห้องต่อไปที่เราจะพาไปดูกันก็คือ ห้อง Aromatherapy Steam Bath ขอเรียกง่ายๆว่าห้องออนเซ็นละกัน ออนเซ็นของที่นี่จะเป็นบ่อรวมนะ แต่ว่าห้องแต่งตัวจะแยกออกเป็นสองฝั่ง มีของฝั่งผู้ชายและฝั่งผู้หญิง
เข้ามาข้างในก็จะมีห้องน้ำ มีล็อกเกอร์ มีผ้าเช็ดตัวให้ เรียกได้ว่าครบหมด
เข้ามาโซนด้านในก็จะมีบ่อ 3 บ่อ เป็น บ่อ เย็น อุ่น ร้อน แต่ละบ่อก็จะมีอุณหภูมิด้วย เนื่องจากเป็นบ่อรวม อย่าลืมเอาชุดว่ายน้ำมากันด้วยนะ
นอกจากออนเซ็นก็จะมีห้องอบไอน้ำ และ ห้องเซาว์น่า อยู่ในโซนเดียวกันเลย หลังจากออนเซ็นเสร็จก็สามารถอาบน้ำในห้องน้ำได้เลย
พอลงมาชั้นล่างก็จะมีห้องเกลืออยู่ด้วย ซึ่งห้องเกลือของที่นี่นำเข้าเครื่องผลิตเกลือเข้ามาเองเลย ไม่ใช่แค่ผนังเกลือปกตินะ เข้าไปอยู่สักพักจะรู้ว่าเกลือจริงๆมีแอบเค็มปากเล็กๆ แต่ช่วยเรื่องฝุ่น PM 2.5 ค่อนข้างดีนะ เพราะ Particle ของเกลือที่สร้างออกมาเล็กกว่าอีก
ที่สำคัญที่สุดของที่นี่ และ สำหรับรีวิวของเรานั่นก็คือ คือ คือ สปานั่นเอง มาที่นี่แล้วไม่ต้องกลัวเพราะว่า All Inclusive หมดเลย สปาก็รวมอยู่ในค่าที่พักแล้ว สปาเราจะได้สปาฟรีวันละ 90 นาที สามารถเลือกอะไรก็ได้ ถ้าพัก แบบ 2 คืน ก็ 180 นาที อยากได้คอร์สอะไรก็สามารถแจ้งไปทางสปาได้เลย แนะนำให้โทรไปจองระหว่างที่เราเข้าพักเลยว่าเราอยากทำสปาตอนกี่โมงแล้วก็กี่คน ซึ่งก่อนทำสปาก็จะมีพนักงานนวดมาให้เราทำแบบสอบถามก่อนว่าชอบน้ำหนักการนวดยังไง เน้นตรงไหน ไม่นวดตรงไหนหรือเปล่า
พอกรอกข้อมูลเสร็จเรียบร้อยเราก็ไปดูห้องของที่นี่กันเลย สปาของที่นี่มีทั้งห้องนวดไทย ห้องสปา รวมไปถึงห้องสปาแบบคู่เหมาะสำหรับคู่รัก คู่เพื่อน แบบสุดๆ ขนาดห้องของที่นี่บอกได้เลยว่าไซซ์ใหญ่มากจนตกใจว่าทำไมให้พื้นที่เยอะขนาดนี้
คอร์สที่เราเลือกกันในวันนี้ก็จะเป็นคอร์ส Signature Massage 90 นาที กับ Aromatheraphy Massage 90 นาที ซึ่งเราเลือกกลิ่นกันตั้งแต่ตอนกรอกแบบสอบถามละ การทำสปาคือค่อนข้างดีกว่ามาตรฐานของสปาหลายๆที่เลย เริ่มต้นด้วยการล้างเท้า
ล้างเท้าเสร็จก็ไปอาบน้ำก่อนเนื่องจากไปออกกำลังกายมาก่อนนวด ห้องน้ำของที่นี่เป็นห้องน้ำแบบ 2 ห้องเลย คือแทบไม่เห็นที่ไหนในไทยเลยที่ให้ห้องน้ำสองห้องแบบนี้
หลังจากอาบน้ำเสร็จก็มานอนนวดกันเลย สำหรับการนวดแบบ Swedish จะเป็นการนวดที่ค่อนข้างไปทางหนัก และมีการใช้ข้อศอกในการนวดด้วย ถ้าใครชอบนวดหนักแนะนำคอร์สนี้เลย แต่อาจจะไม่หนักเท่าไทยนะ การนวดก็ค่อนข้างจะเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่เลย นวดออกมาแล้วสบายมาก
อีกคอร์สที่เรานวดกันในวันนี้ก็คือคอร์ส Aromatheraphy นั่นเอง คอร์สนี่เหมาะสำหรับคนที่อยากมาผ่อนคลายมากๆ เพราะน้ำหนักการนวดจะออกไปทางเบา-กลางๆ การนวดก็จะเน้นตามจุดที่เรากรอกไว้ตอนแรกเลย น้ำหนักมือของพนักงานนวดค่อนข้างดี นวดแบบมีการเทรนมามากๆ นวดแบบสบายมากๆ จนหลับเลย
อีกกิจกรรมที่เราไปร่วมด้วยก็คือการออกกำลังกายตอนเช้า โดยเป็นคลาส Body Weight นั่นเอง อันนี้ก็จะมีครูมาสอนเหมือนเดิม การออกกำลังกายค่อนข้างปรับไปตามคนที่มาร่วมคลาส ครูที่มาสอนก็จะดูว่าคนไหนเป็นยังไง มีการเข้ามาช่วยจัดท่าเป็นระยะๆ
ก่อนที่เราจะไปรีวิวอาหารกัน ก็จะมีอีกกิจกรรมที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลย ซึ่งก็คือการปั่นจักรยานน้ำ เป็นอะไรที่ได้บรรยากาศมาก ระหว่างปั่นก็จะได้วิวแม่น้ำ วิวแสงแดดสวยๆ แนะนำให้มาปั่นตอนเช้าๆก่อนกินข้าวเพราะวิวจะสวยมาก ปั่นได้ประมาณ 5-10 นาที บอกเลยว่าได้เหงื่อแน่นอน
อาหารของที่นี่บอกได้เลยว่ากินอิ่ม แบบหนำใจกันไปเลย เอามาเริ่มกันที่อาหารเช้าก่อนละกัน อาหารเช้าของที่นี่เราจะกินกันที่ ห้องอาหาร Riverfront นั่นเอง บรรยากาศคือดีมากๆ กินข้าวเช้าพร้อมวิวแม่น้ำเลย ซึ่งตอนเช้าเนี่ยจะมีพวกเบเกอรี่ กับ ข้าวต้มให้เลือกกินกันด้วย แอบกระซิบว่าพวกเราชอบข้าวต้มทุกอันของที่นี่เลย แต่อร่อยโดดเด่นยกให้ข้าวต้มหอยเชลล์เลย
ส่วนอาหารกลางวันของที่นี่ จำไปกินกันที่ห้องอาหาร Tea Room ตกแต่งสวยมากแบบโมเดิร์นๆ สำหรับอาหารกลางวันที่นี่ค่อนข้างหลากหลายเลย วัตถุดิบก็ค่อนข้างดีเลย ซึ่งวันที่เราไปกินมีข้าวซอย มีผัดไท มีเซ็ทอาหารไทยด้วย เรียกได้ว่าเป็นอาหารกลางวันที่ไม่แพ้ร้านอาหารดังๆในเมืองเลย
อาหารเย็น อีกมื้อที่เหมือนกันไปกินตาม Michelin เลย คือการกินมื้อเย็นมาแบบเป็นคอร์สเลย แล้วอาหารค่อนข้างจะหลากหลายเลย เนื้อก็มี ไก่ก็มี ปลาก็มี ใครอยากกินอะไรสั่งได้เลย สำหรับใครไม่ถนัดอาหารต่างประเทศ เซ็ทอาหารไทยก็อร่อย มื้อนี้จานที่ดีที่สุดยกให้ ริซอตโต้ล็อบสเตอร์เลย
มาถึงอีกทีเด็ดของที่นี่จะเป็น Afternoon Tea ซึ่งจะมีเป็นบางช่วงเท่านั้นนะ ช่วงที่เรามาจะมีแจกให้ฟรีเลย โดยรวมทำออกมาได้ดี ทำออกมาได้หลากหลาย การจัดจานก็สวย
มาสรุปกัน เอาจริงๆที่นี่เป็นที่แรกที่ทางทีมเราได้มารีวิวกันแบบเต็มสูบจริงๆ เป็น Wellness Destination ที่คุ้มค่าคุ้มราคามาก รายละเอียดตั้งแต่การบริการ สถานที่ รวมไปถึงอาหารต่างๆ เรียกได้ว่าถูกคิดมาอย่างดี
ถ้าให้บอกก็คงบอกว่า เรารักที่นี่กันมากๆ อยากกลับไปให้ได้อย่างน้อยก็ปีละ 1 ครั้ง เพื่อไปพักผ่อนร่างกาย และพักผ่อนจิตใจ ท้ายสุดและสุดท้าย Thann ไม่ทำให้เราผิดหวังจริงๆ
ถ้าใครอยากไปลอง อยากไปจองก็ www.thannwellness.com ได้เลย